วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2554

ตำนานผีไทย

นิยามคำว่าผี



ผี คือ สิ่งที่มนุษย์เชื่อว่าเป็นสภาพลึกลับ มองไม่เห็นตัว แต่อาจจะปรากฏเหมือนมีตัวตนได้ อาจให้คุณหรือโทษได้ มีทั้งดีและเลว หรืออาจหมายถึง คนที่ตายไปแล้ว หรือเทวดาก็ได้ ส่วน วิญญาณ หมายถึง สิ่งที่เชื่อกันว่ามีอยู่ในกายเมื่อมีชีวิต เมื่อตายจะออกจากกายล่องลอยไปหาที่เกิดใหม่ 
    ด้วยเหตุที่ ผี เป็นสิ่งที่ยากจะบอกได้ ถึงรูปพรรณสัณฐานที่แน่นอน มีความลึกลับ ขึ้นกับความเชื่อ และจินตนาการ จึงถูกหยิบยกมาขู่เด็กอยู่เสมอ จนทำให้บางคนแม้โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ความรู้สึกกลัวผีก็ยังมีอยู่ หนัง/ละครหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นของไทย หรือต่างประเทศ ต่างก็สร้างสรรค์ ผี ออกมาในรูปแบบต่างๆ มีทั้งแนวตลกขบขัน แนวสยองขวัญ น่ากลัว หรือแม้แต่แนวรักโรแมนติก ที่ฮิตๆ อมตะสร้างซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็ได้แก่ พวกแดร็กคิวร่า, แฟรงเก็นสไตน์, แวมไพร์ม, ส่วนไทยก็มี แม่นาคพระโขนง, ผีปอบ, ผีกระสือ, ผีกระหัง


รวมตำนานผีไทย



ผีเปรต

 ผีเปรต



                                                     Roll Eyes Roll Eyesใน ไตรภูมิพระร่วง ตอนเปรตภูมิ
 
กล่าวถึงพวกเปรตมากมายหลายจำพวก มีถิ่นฐานอยู่รอบเมืองราชคฤห์ หลางสมุทร เหนือเขา กลางเขา ที่มีปราสาทอยู่ก็มี ที่มีพาหนะยวดยานเที่ยวไปในอากาศก็มี เมื่อเดือนแรมเป็นเปรต เดือนขึ้นเป็นเทพยดา หรือกลับกันก็มี แฝง ต้นไม้ใหญ่อยู่ หรืออยู่บนที่ราบก็มี เป็นพวกผีเสื้อ ผีในต้นไม้ก็มี เป็นพวกผีปีศาจซ่อนตนอยู่ในแผ่นดินก็มี มีอายุยืนต่างๆกัน ๑๐๐ ปี ๑,๐๐๐ ปี ตลอดถึงกัปกัลป์พุทธันดร ต้องทนอดอยากทุกข์ยากต่างๆ
                                                                      
                                                                        ตำนานผีเปรต





ผีกองกอย



                               ผีกองกอย 



กองกอยเป็นชื่อผีป่าพวกหนึ่ง มีชื่อเสียงอยู่ทางภาคอีสานและทางฝั่งประเทศลาว ที่มีชื่อเช่นนี้เพราะว่ามันร้อง"กองกอย" แต่บางแห่งว่า เรียกตามลักษณะของมัน คือ มันมีตีนเดียวไปไหนก็เขย่งเกงกอยไป บางท่านก็ว่าผีกองกอยนั้น นอกจากมีเท้าข้างเดียวแล้ว ยังเท้าปุกอีกด้วย ตามนิทานภาษาลาวเรื่องผีกองกอย เขาว่าผีพวกนี้มีเท้ากลับ ไทยทางภาคพายัพเรียก ผีกองกอยว่าผีตองเหลือง

ตำนานผีกระหัง

 ตำนานผีกระหัง 





กระหัง เป็นชื่อผีอีกชนิดหนึ่ง บางทีก็ใช้ชื่อว่า เกาะหาง เชื่อกันว่า ผู้ชายที่ไปเรียนวิชาอาคมแก่กล้ามากเข้า
จะมีปีกมีหาง จะไปไหนก็ใช้กระด้งต่างบิน สากตำข้าวต่างขา สากกระเบือต่างหาง ชอบกินของโสโครกเช่นเดียวกับ
ผีกระสือ

เรื่องของผีกระหังนั้นไม่ค่อยมีคนรู้เรื่องมากนัก เห็นจะเป็นเพราะไม่มีคนเห็นมันบ่อยนั้นเอง รู้แต่ว่ารูปร่าง
ของมันก็เป็นอย่าง คนเรานี่เอง แต่มีหางอยู่ที่ก้น เป็นผีที่หวงก้นมาก ไม่ยอมให้ใครมาลูบก้นเล่นเพราะกลัวว่าจะไปคลำ
ถูกหางของมันเข้า ก็จะรู้ว่ามันเป็นกระหัง
ข้อที่แปลกก็คือ ทั้งๆ ที่มีหางอยู่แล้ว ก็ยังใช้สากต่างหางอีกชั้นหนึ่ง บางทีหางเดิมของมันจะสั้นไปก็ไม่รู้
ผีกระหังไม่เคย ปรากฏว่าทำร้ายใครให้เป็นอันตรายเลย 



ตำนานผีตายโหง

ผีตายโหง



ผีตายโหง คือ คนที่เสียชีวิตอย่างปัจจุบันทันด่วน แบบไม่ธรรมดาตามธรรมชาติ เช่น ถูกยิง จมน้ำ รถชน ฆ่าตัวตาย เป็นต้น สำหรับการตายทั้งกลมก็ถือว่าเป็นการตายแบบตายโหงเช่นกัน
ผีตายโหงจะเป็นผีที่จิตตก เนื่องจากจิตสุดท้ายก่อนตายอารมณ์ยังติดอยู่กับความหวาดกลัว ความตกใจ ความอาฆาตแค้น ความอาลัยอาวรณ์ ตายทั้งที่ยังทำใจไม่ได้ วิญญาณจึงติดอยู่ในบ่วงแห่งอารมณ์ต่างๆ  เหล่านั้น ไม่สงบสุข เป็นวิญญาณทรมาน ไม่ยอมรับสภาพปัจจุบันของตัวเอง เลยยังคงเที่ยวปรากฏกายให้คนได้พบได้เห็น ยิ่งถ้าเป็นผีตายโหงที่ตายขณะยังมีความอาฆาตพยาบาทจะมีความดุร้ายเป็นพิเศษ
ผีตายโหงมักสิงสถิตอยู่กับที่ที่ตัวเองตาย (เช่น ผีเฝ้าถนน ตามโค้งร้อยศพ เป็นต้น) เมื่อมีคนมาตายแทนจึงจะไปผุดไปเกิดได้
เรื่องของโค้งร้อยศพนี้ สามารถสันนิษฐานได้ถึงปรากฏการณ์ของความคำนึงอันแรงกล้าที่หลงเหลืออยู่ ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีใครสักคนนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง และรู้สึกกระหายอยากดื่มน้ำมากๆ แต่มีคนมาเรียกให้ไปทำอย่างอื่นและต้องลุกไปเสียก่อนทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ดื่มน้ำให้ชุ่มชื่นใจ ความปรารถนาอันแรงกล้าที่อยากจะดื่มน้ำจะยังคงหลงเหลืออยู่ที่เก้าอี้ตัวนั้น เมื่อมีคนเดินมานั่งที่เก้าอี้ตัวนั้นก็จะเกิดความรู้สึกกระหาย และอยากดื่มน้ำเป็นอันมากเช่นเดียวกัน ซึ่งสามารถอธิบายปรากฏการณ์โค้งร้อยศพได้ว่า ขณะที่ผู้ประสบอุบัติเหตุกำลังอยู่ในอารมณ์ที่ตกใจ และทุรนทุรายนั้น ความรู้สึกอันแรงกล้าเฮือกสุดท้ายยังคงหลงเหลืออยู่ ณ บริเวณนั้น ดังนั้น เมื่อมีผู้ที่ผ่านมาหลังจากนั้นก็จะรับเอาความคำนึงอันแรงกล้าของผู้ตายมา ทำให้เกิดประสบอุบัติเหตุเช่นเดียวกัน


                                     

นางตะเคียน






นางตะเคียน เป็นผี ตามตำนานพื้นบ้านของไทย เป็นผีผู้หญิง สิงสถิตอยู่ในต้นตะเคียน
บริเวณผืนป่าที่ผีนางตะเคียนสิงสู่อยู่จะสะอาดสะอ้านเหมือนมีคนมาปัดกวาดอยู่เสมอๆ ก็คงเหมือนกับคนอยู่บ้านต้องออกมาปัดกวาดหน้าบ้านตัวเองให้สะอาดอยู่ตลอดเวลานั่นเอง
นางตะเคียนมักมีรูปร่างหน้าตาสะสวย หมดจดงดงาม ผมยาว ห่มสไบ ใส่ผ้าถุง บางที่ก็ว่าแต่งตัวเหมือนสาวบ้านป่าทั่ว ๆ ไป ผีนางตะเคียนมักจะเป็นจำพวกหวงที่อยู่ และจะดุร้ายมากหากใครคิดจะรุกรานที่อยู่ของตน
ผู้คนที่มีความเชื่อเรื่องนี้ มักเชื่อว่าต้นตะเคียนมักมีผีนางตะเคียนสิงอยู่ การจะนำเอาต้นตะเคียนมาขุดเป็นเรือ (เรือสมัยก่อนใช้วิธีขุดขึ้นจากต้นไม้ทั้งต้น) หรือนำไม้ตะเคียนมาสร้างบ้าน จำเป็นจะต้องทำพิธีบวงสรวงขออนุญาตจากนางตะเคียนก่อน ทั้งนี้ เมื่อต้นตะเคียนที่ถูกนำมาแปรสภาพเป็นยานพาหนะ หรือสิ่งปลูกสร้างแล้ว นางตะเคียนที่สิงสถิตอยู่ในต้นตะเคียนนั้นก็จะเปลี่ยนแปลงสถานะตามไปด้วย เช่น ถ้าเป็นเรือ นางตะเคียนก็จะกลายเป็นแม่ย่านางเรือ เป็นต้น



นางตะเคียน


ผีเเม่นาค

                                         ผีเเม่นาค

แม่นาคพระโขนง หรือที่นิยมเรียกสั้น ๆ ว่า แม่นาค เป็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับผีตายทั้งกลมที่เป็นที่รู้จักกันดีเรื่องหนึ่งของไทยเชื่อว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในรัชสมัยรัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์  


แม่นาคในความเชื่อของคนไทย
เรื่องราวของแม่นาคพระโขนง ปรากฏอยู่ทั่วไปตามความเชื่อของคนไทยร่วมสมัยและตราบจนปัจจุบัน เช่น เชื่อว่าชื่อสี่แยกมหานาค ที่เขตดุสิตในปัจจุบัน มาจากการที่แม่นาคอาละวาดขยายตัวให้ใหญ่ และล้นเกล้ารัชกาลที่ 4 ก็ยังเคยเสด็จทอดพระเนตรด้วย หรือ เชื่อว่าพระรูปที่มาปราบแม่นาคได้นั้นคือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เป็นต้น อีกทั้งยังเชื่อว่า ท่านได้เจาะกะโหลกที่หน้าผากของแม่นาคทำเป็นปั้นเหน่ง เพื่อสะกดวิญญาณแม่นาค และได้สร้างห้องเพื่อเก็บปั้นเหน่งชิ้นนี้ไว้ต่างหาก หรือหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ก็ยังได้เขียนบันทึกเอาไว้ว่า เมื่อ พ.ศ. 2468 ซึ่งเป็นสมัยที่ท่านยังเป็นเด็ก ท่านเคยเห็นเรือนของแม่นาคด้วย เป็นเรือนลักษณะเหมือนเรือนไทยทั่วไปอยู่ติดริมคลองพระโขนง มีเสาเรือนสูง มีห้องครัวอยู่ด้านหลัง ซึ่งปัจจุบันนี้ได้ถูกรื้อถอนไปแล้ว
ถึงอย่างไร ความเชื่อเรื่องแม่นาคพระโขนง ก็ยังปรากฏอยู่ในความเชื่อของคนไทย ณ วัดมหาบุศย์ เขตสวนหลวง ปัจจุบันนี้ มีศาลแม่นาคตั้งอยู่ ซึ่งเป็นที่สักการะ เคารพบูชาอย่างมากของบุคคลในและนอกพื้นที่ โดยบุคคลเหล่านี้จะเรียกแม่นาคด้วยความเคารพว่า "ย่านาค" บ้างก็เชื่อกันว่าแม่นาคได้ไปเกิดใหม่แล้ว
และเชื่อว่ายังมีผู้สืบเชื้อสายจากแม่นาคมาจนถึงปัจจุบัน หนึ่งในนั้น คือ พีท ทองเจือ ดารานักแสดงชื่อดัง
และสิ่งที่เชื่อว่าเป็นปั้นเหน่งที่ทำจากหน้าผากกะโหลกแม่นาค ปัจจุบันถูกครอบครองโดยนักสะสมพระเครื่องผู้หนึ่ง  





ผีตานี


                                   
                                  นางตานี
 เป็นผีผู้หญิงที่มีรูปร่างหน้าตาสวยงาม เช่นเดียวกับนางตะเคียน นางตานีจะสิงสถิตอยู่ในต้นกล้วยตานี และต้องเป็นกล้วยตานีตายพราย (ต้นกล้วยตานีที่ออกปลีแล้วตาย) เล่ากันว่ามักปรากฏร่างในคืนพระจันทร์เต็มดวง คนโบราณไม่นิยมปลูกกล้วยตานีไว้ในบ้าน
                                  นางตานี


จะมีรูปร่างหน้าตาสวยสด หมดจด งดงาม ห่มสไบสีเขียว และนุ่งโจงกระเบนแบบหญิงโบราณชอบล่อชายไปลวนลาม เเละนางตานียังมีเเรงหึงหวงที่น่ากลัวอีกด้วย เพราะถ้าชายที่มีอะไรกับนางเเล้ว เมื่อไปมีผู้หญิงคนอื่นนางตานีก็จะตามไปหักคอชายผู้นั้นทันที ด้วยเเรงหึงหวงนั้มเอง                                                          
   คุณเห็นผีตานีกันหรือเปล่า


                                                                 เรื่องจริงของผีตานี

ผีปอบ

ปอบ


ในแต่ละภาคจะมีผีปอบอย่างน้อย 1 คนที่คอยปั่นป่วนชาวบ้านเสมอ ในภาคแรกปอบคือ ยายทองคำ (รับบทโดย สุชาดา อีแอม) มีเอกลักษณ์ตรงใบหน้าที่ดุร้าย ไม่ค่อยมีอารมณ์ขันมากนักสำหรับภาคแรก (ยายทองคำกลับมาอีกครั้งในภาค 11) คนต่อมาคือ ยายทองหยิบ หมอผีประจำหมู่บ้าน ผู้เล่นของและคูณไสย จนกลายเป็น ปอบหยิบ (รับบทโดย ณัฐนี สิทธิสมาน) ซึ่งปรากฏตัวครั้งแรกในภาค 2 ลักษณะท่าทางยังคงความน่ากลัวอยู่ จนภาค 3 ที่ปรับให้เพิ่มความตลกขบขันจนได้รับเสียงตอบรับที่ดี ปอบหยิบมีเอกลักษณ์คือ ท่าหยิบ ที่ได้แรงบันดาลใจจากไก่ต้มที่โดนสับคอแล้วปีกจะกระดกขึ้นมา ส่วนในภาค 8 ปอบหยิบจะหายไป และมีปอบคนใหม่ คือ ผีปอบฝรั่งชื่อ แอน (รับบทโดย วิกกี้ สาริกบุตร) เนื่องจากเปลี่ยนผู้กำกับจาก ศรีสวัสดิ์ ที่กำกับมาตลอด 7 ภาค มาเป็น ธงทอง แต่ก็ล้มเหลว จนปอบหยิบต้องกลับมาอีกครั้งในภาค 9 เป็นต้นมา

ผีกระสือ

ผีกระสือ

ความเชื่อเกี่ยวกับกระสือ
กระสือเป็นผีชนิดหนึ่ง เชื่อกันว่าสิงสู่อยู่ในตัวของคนเพศหญิงซึ่งโดยมากมักเป็นยายแก่ ชอบรับประทานของสดคาว มักออกหากินกลางคืนและไปแต่หัวกับตับไตไส้พุง ส่วนร่างกายคงทิ้งไว้ที่บ้าน เวลาไปจะเห็นเป็นดวงไฟดวงโตมีแสงสีเขียวเรืองวาม ๆ
ใครคลอดลูกใหม่ กลิ่นสดคาวของเลือดจะชักนำให้ผีกระสือมาและเข้าสิงกินตับไตไส้พุงของหญิงที่คลอดลูกหรือของทารกที่คลอดนั้น เหตุนี้ชาวบ้านจึงมักเอาหนามพุทราสะไว้ที่ใต้ถุนเรือนตรงที่มีร่องมีรู เพื่อป้องกันมิให้กระสือเข้ามา เชื่อกันว่ากระสือกลัวหนามเกี่ยวไส้
นอกจากของสดของคาวแล้ว กระสือยังชอบรับประทานของโสโครกเช่นอุจจาระเป็นต้น เมื่อรับประทานแล้วเห็นผ้าของใครตากทิ้งค้างคืนไว้ก็เข้าไปเช็ดปาก ผ้านั้นจะปรากฏเป็นรอยเปื้อนดวง ๆ ถ้าเอาผ้านั้นไปต้มกระสือจะรู้สึกปวดแสบปวดร้อนปากทนไม่ไหวจนต้องมาขอร้องไม่ให้ต้มต่อไป
กระสือนั้นเมื่อเจ็บจวนจะตายก็ไม่ตายง่าย ๆ ต้องคายน้ำลายของตนถ่ายเข้าปากลูกหลานคนใดคนหนึ่งไว้ให้สืบทายาทเป็นกระสือต่อก่อน ตนจึงจะตายได้โดยไม่ต้องทุกข์ทรมานอีกต่อไป
การปราบกระสือนั้น ไม่สามารถไล่ผีที่มาสิงสู่ออกจากร่างเหยื่อได้ ว่ากันว่าวิญญาณนั้นได้หยั่งลึกลงในใจของคน ๆ นั้นแล้ว ฉะนั้น การปราบกระสือก็เท่ากับต้องฆ่าคน ๆ นั้นไปเลย
ลักษณะของกระสือ
กระสือในรูปแบบที่คนไทยส่วนใหญ่รู้จัก คือ เป็นผีผู้หญิงแก่ที่ล่องลอยไปพร้อมกับหัวและไส้และอวัยวะส่วนอื่น เช่น หัวใจ, ปอด และเรืองแสงได้เรือง ๆ แต่ทว่าตามนิยามของ เสฐียรโกเศศ แล้ว กระสือเป็นเพียงผีผู้หญิงแก่ที่มีเพียงหัวกับแสงเรือง ๆ เท่านั้น ไม่มีไส้หรืออวัยวะส่วนอื่นใด ซึ่งที่ของกระสือที่มีหัวกับไส้หรืออวัยวะส่วนอื่น ๆ แบบที่คุ้นเคยกันนั้น มาจากภาพวาดของ ทวี วิษณุกร ที่แต่งเติมเอาจากจินตนาการในใบปิดภาพยนตร์เรื่อง "กระสือสาว" ที่ฉายเมื่อปี พ.ศ. 2516 นำแสดงโดย สมบัติ เมทะนี และ พิศมัย วิไลศักดิ์


ผีถ้วยเเก้ว
 
 
 
ผีถ้วยเเก้วคือ
การสื่อสาร ติดต่อ วิญญาณระหว่างมนุษย์วิญญาณเรื่องราวศาสตร์เร้นลับที่มนุษย์พยายามค้นหาเรื่องผีถ้วยแก้วนี้ท่านอาจเคยได้ยินมาแล้วหรืออาจจะเคยร่วมเล่นมาแล้วก็ได้เพราะเป็นที่นิยมเล่นกันในหมู่เด็กและผู้ใหญ่มานานแล้วที่เรียกว่าเล่นก็เพราะระหว่างดำเนินการนั้นเต็มไปด้วยความครื้นเครงนับว่าเป็นการกล้าเผชิญหน้ากับ"ผี"อย่างองอาจและเป็นมิตรมาทีเดียวดพราะตามปกติแล้วไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่เป็นต้องขยาดผีจนขนหัวลุกเคยถามไถ่เรื่องผีถ้วยแก้วกับเกจิอาจารย์ท่านหนึ่งว่า"ผี" หรือ "วิญญาณ" ที่เข้ามาสิงอยู่ในถ้วยแก้วนั้น"จริง" หรือ "เท็จ" ท่านบอกว่า "จริง" แต่วิญญาณของผีเร่ร่อน เพราะฉะนั้นในบางคราวจึงทำนายทายทักอะไรไมค่อยตรง ไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราว บางทีเชิญวิญญาณหนึ่ง แต่อีกวิญญาณหนึ่งกลับรีบสวมรอยมาแทนก็มีพึงสังวรณ์ไว้ว่า การเรียกดวงจิต วิญญาณ การสื่อสารก็เหมือนกับการที่เราโทรศัพท์ไปหาใครสักคนหรือไปเคาะประตูบ้านใครสักคน ถ้าเจ้าของอยู่หรือต้นสายปลายทางอยู่แน่นอนย่อมมีการรับสายหรือเปิดประตูออกมาต้อนรับพร้อมที่จะยอมสนทนาด้วยอย่างแน่นอน และเมื่อกระทำด้วยความบริสุทธิ์ด้วยแล้วก็น่าจะเป็นสิ่งที่น่ายินดี และน่าสนุกไปกับการสื่อสารอันอัศจรรย์นี้ด้วย ตำนานผีถ้วยเเก้ว